Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

โดย...เพยาว์ กิมปฐม

ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2555
                เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสี่ ภาคการผลิตของไทยกลับมาฟื้นตัวเต็มที่และผลิตได้เต็มกำลังอีกครั้งในไตรมาสที่ 3 โดยธุรกิจที่เป็นพลังในการขยายตัวของเศรษฐกิจมากที่สุด คือ ภาคยานยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพราะน้ำท่วมที่ผ่านมาทำให้ค่ายรถยนต์ที่มีการสั่งจองไว้ให้กับลูกค้าไม่ได้และต้องมาเร่งผลิตทดแทนในช่วงหลังน้ำท่วม เมื่อบวกกับแรงกระตุ้นชั้นดีจากภาครัฐบาลกับโครงการคืนภาษีสูงสุด 100,000 บาท สำหรับรถยนต์คันแรกทำให้ยอดผลิตในปีนี้ของภาครถยนต์ 11 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 64% และถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี
               อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของไทยซึ่งเคยเป็นพระเอก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนาน กลับได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวลงมาก ผลจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวและการว่างงานอย่างรุนแรงในสหรัฐฯ วิกฤติหนี้สาธารณะในหลายประเทศในยุโรป ซึ่งลุกลามสู่ภาวะวิกฤติและการถดถอยของเศรษฐกิจทั้งกลุ่ม ยูโรโซน โดยผลกระทบเหล่านี้ นอกจากระทบเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังกระทบต่อเศรษฐกิจเพื่อนบ้านในอาเซียนและเศรษฐกิจพี่ใหญ่อย่างจีนให้ชะลอลงตามด้วย นอกจากนั้น ราคาข้าวของไทยในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากมาตรการรับจำนำของรัฐบาล ทำให้การขายข้าวของไทยในปีที่ผ่านมาทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ส่งผลให้การส่งออกของไทยในปี 2555 นี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 4% จากยอดเติบโต 17 % ในปี 2554
               แต่แม้ว่าจะมีปัจจัยลบ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ดี โดยสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจในระดับ 5.6% ขณะที่ตัวเลขประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อยู่ที่ 5.8% ส่วนศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 5.4%

ภาวะเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยไตรมาส4/2555
               สำหรับเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยในไตรมาสที่4/2555 ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2555 โดยรวมเศรษฐกิจสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรขยายตัวปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งเรื่องการลงทุน ธุรกิจ ผลประกอบการที่สร้างรายได้ กำไรให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร โดยมีปัจจัยสำคัญจากอุปสงค์สินเชื่อ ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือนรวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการผลิต และบริการ จากข้อมูลรวบรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจำนวนทั้งสิ้น 10,631 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด แยกเป็นสหกรณ์จำนวน 6,538 แห่ง และกลุ่มเกษตรกรจำนวน 4,093 แห่ง มีสมาชิกรวม 11.48 ล้านคน คิดเป็น 18% ของประชากรทั้งประเทศ และมีทุนดำเนินงานรวม 1.77 ล้านล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้

ภาคธุรกิจสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร
               เมื่อหันมามองถึงตัวเลขการลงทุนในธุรกิจสำคัญของสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการรับฝากเงิน การให้เงินกู้ยืม(สินเชื่อ) การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย การรวบรวม/แปรรูปผลิตผล และการให้บริการอื่นๆ มีมูลค่าธุรกิจรวมทั้งสิ้น 1.88 ล้านล้านบาท และคิดเป็น 17% ของ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่4/2554 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจที่มีมูลค่าธุรกิจสูงสุดได้แก่ ธุรกิจการให้เงินกู้(สินเชื่อ) สูงถึง 62% จำแนกเป็นรายธุรกิจ ดังนี้

               ธุรกิจการให้เงินกู้ยืม (สินเชื่อ) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีมูลค่าการให้สินเชื่อรวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 9.8 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีปริมาณการให้สินเชื่อสูงสุดเท่ากับ 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 94% ของจำนวนเงินให้สินเชื่อทั้งระบบ กลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6% และกลุ่มเกษตรกร 1.6 พันล้านบาท คิดเป็น 0.11% ตามลำดับ
               ธุรกิจการรับฝากเงิน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มียอดเงินรับฝากรวมทั้งสิ้น 4.9 แสนล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 4 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีปริมาณการรับฝากเงินสูงสุดเท่ากับ 4.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 86% ของจำนวนเงินรับฝากทั้งระบบ กลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 6.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 14% และกลุ่มเกษตรกร 3.3 ร้อยล้านบาท คิดเป็น0.07% ตามลำดับ
               ธุรกิจรวบรวม/แปรรูปผลิตผล ขยายตัวเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีมูลค่าการรวบรวม/แปรรูปทั้งสิ้น 1.4 แสนล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีปริมาณการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายสูงสุดเท่ากับ 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 89% ของจำนวนเงินรวบรวม/แปรรูปทั้งระบบ กลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 4 พันล้านบาท คิดเป็น 3% และกลุ่มเกษตรกร 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 8% ตามลำดับ
               ธุรกิจการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีมูลค่าการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 6 พันล้านบาท โดยกลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีปริมาณการจัดหาสินค้ามาจำหน่ายสูงสุดเท่ากับ 6 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 84% ของจำนวนเงินจัดหาสินค้ามาจำหน่ายทั้งระบบ กลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 13% และกลุ่มเกษตรกร 1.5 พันล้านบาท คิดเป็น 2% ตามลำดับ
               ธุรกิจการให้บริการและส่งเสริมการเกษตร ปรับตัวลดลง 27%เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท หรือคิดเฉลี่ยตกเดือนละ 1.2 ร้อยล้านบาท โดยกลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีปริมาณการให้บริการสูงสุดเท่ากับ 9 ร้อยล้านบาท คิดเป็น 60% ของจำนวนเงินให้บริการทั้งระบบ กลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 6 ร้อยล้านบาท คิดเป็น 38% และกลุ่มเกษตรกร 30 ล้านบาท คิดเป็น2% ตามลำดับ

ตาราง ภาวะเศรษฐกิจทางการเงินสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไตรมาสที่ 4/2555

    
       ที่มา: กลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ,พ.ศ.2555
             
               ผลการดำเนินงานสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร
                ผลประกอบการธุรกิจสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรไตรมาสที่ 4/2555 โดยภาพรวมดำเนินธุรกิจมีกำไรทุกกลุ่มจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก โดยมีกำไรรวมทั้งสิ้น 55,307 ล้านบาท ประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์ทำกำไรสูงสุด 48,517 ล้านบาท หรือร้อยละ 87.72 ของกำไรสุทธิรวมทั้งระบบ (เกษตร 4,616 ลบ., ประมง 44 ลบ., นิคม 175 ลบ., ร้านค้า 190 ลบ., บริการ 468 ลบ., เครดิตยูเนี่ยน 1,160 ลบ.) มีรายได้รวมเท่ากับ 3.2 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่4/2554 ของปีที่ผ่านมา และมีค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 2.7 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นร้อยละ 82.93 ของรายได้รวมทั้งสิ้น มีรายละเอียดดังนี้  
            

              
              
รายได้ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมียอดรายได้รวมทั้งสิ้น 3.2 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยกลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมียอดรายได้รวมสูงสุดเท่ากับ 2 แสนล้านบาท คิดเป็น 67% ของจำนวนรายได้รวมทั้งระบบ รองลงมากลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 1 แสนล้านบาท คิดเป็น 33% และกลุ่มเกษตรกร 1.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.33% ตามลำดับ
              ค่าใช้จ่าย สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมียอดค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 2.7 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดยกลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมียอดค่าใช้จ่ายรวมสูงสุดเช่นกันเท่ากับ 2 แสนล้านบาท คิดเป็น 76% ของจำนวนค่าใช้จ่ายรวมทั้งระบบ รองลงมา กลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 5.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 19% และกลุ่มเกษตรกร 1.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.5% ตามลำดับ
              กำไรสุทธิ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมียอดกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 5.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยกลุ่มสหกรณ์นอกภาคการเกษตรทำกำไรสูงสุดเท่ากับ 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 91% ของจำนวนกำไรสุทธิทั้งระบบ รองลงมา กลุ่มสหกรณ์ในภาคการเกษตรมีจำนวนเท่ากับ 4.8 พันล้านบาท คิดเป็น 9% และกลุ่มเกษตรกร 1.3 ร้อยล้านบาท คิดเป็น 0.2% ตามลำดับ
               จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น สะท้อนภาพเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 4/2555 ว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศก็ตาม มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกธุรกิจ รวมถึงดำเนินธุรกิจประสบผลสำเร็จมีกำไรทุกกลุ่ม บ่งชี้ให้เห็นธุรกิจให้บริการของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรยังคงได้รับการตอบรับจากสมาชิกและบุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี จึงกล่าวได้ว่าภาคสหกรณ์ไทยสามารถดำเนินงานไปได้ด้วยดีเป็นปกติ มีการเติบโตทั้งธุรกิจและรายได้
              
               ดังนั้น สหกรณ์ต้องไม่ละทิ้งหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ และที่สำคัญต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยการนำหลัก "ธรรมาภิบาล” และหลัก "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้ในการดำเนินกิจการของสหกรณ์ เพื่อให้สหกรณ์เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

***************************
ที่มา : กลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
         กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ www.cad.go.th
ข่าว/บทความยอดนิยม ข่าว/บทความที่คะแนนโหวตสูงสุด ข่าว/บทความล่าสุด
Learning English : ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (22/03/2550)
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรปี 2555
วิกฤตเศรษฐกิจกระทบเศรษฐกิจสหกรณ์ออมทรัพย์หรือไม่ อย่างไร...
บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพช่วยเกษตรกรเรื่องภาษีได้
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์มีบทบาทและหน้าที่ในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตในสหกรณ์ได้อย่างไร
รายงานภาวะเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยไตรมาส 4/2555
ครัวเรือนภาคสหกรณ์ออมเงินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 12.34%
ภาวะเศรษฐกิจภาคสหกรณ์ไทยไตรมาส 3/2557
เสถียรภาพทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปี 2556
ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไทย ปี 2549 (28/03/2550)
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของสหกรณ์ออมทรัพย์ และแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์การค้าข้าวไทยและการรวบรวมผลิตผลข้าวเปลือกของภาคสหกรณ์์ไทยปี 2567
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีส่วนขาดแห่งทุน
หนี้ที่ชำระไม่ได้ตามกำหนด/NPL ภาคสหกรณ์ไทย ในไตรมาส 2/2567
สุขภาพทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์
จำนวนคนอ่าน 13681 คน จำนวนคนโหวต 1 คน

  จำนวนคนโหวต 1 คน
โหวตคะแนนให้ข่าว/บทความนี้
1 2 3 4 5

  ระดับ 

  ให้ 1 คะแนน
0%
  ให้ 2 คะแนน
0%
  ให้ 3 คะแนน
0%
  ให้ 4 คะแนน
0%
  ให้ 5 คะแนน
 
100%
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel